เงื่อนไขการใช้ และ นโยบายส่วนบุคคล •
Taximail เชื่อว่าการทำอีเมลมาร์เก็ตติ้งยังคงมีประโยชน์อย่างมากในแง่ของตลาดแบบดิจิตอล การทำอีเมลมาร์เก็ตติ้งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และทำให้การเข้าชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มขึ้น |
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะทำให้มันดี แต่หากคุณทำได้ก็จะเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ของคุณเอง
หัวข้อต่อไปนี้คือขั้นตอนในการกำหนดกลยุทธ์ให้กับการทำอีเมลมาร์เก็ตติ้งของคุณ
1 เลือกผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีเมลมาร์เก็ตติ้งที่น่าเชื่อถือ
เป็นที่แน่นอนว่าอีเมลส่วนตัวของคุณไม่สามารถส่งจดหมายข่าว หรือ อีเมลมาร์เก็ตติ้งไปยังรายชื่ออีเมลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้ คุณจึงจำเป็นที่จะต้องใช้บริการเกี่ยวกับแพลตฟอร์มอีเมลมาร์เก็ตติ้งจากผู้ใช้บริการที่มีความเชี่ยวชาญ
ซึ่ง Taximail เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เจ้าที่ให้บริการเกี่ยวกับแพลตฟอร์มอีเมลมาร์เก็ตติ้งที่ใช้งานง่าย และรองรับการส่งรายชื่ออีเมลจำนวนมาก
2 สร้างรายชื่ออีเมลของคุณ
เป็นเรื่องง่ายที่คุณจะสร้างรายชื่ออีเมล แต่ในความเป็นจริงคุณต้องคำนึงถึงวิธีการหารายชื่ออีเมล และวิธีที่จะทำให้พวกเขายินยอมที่จะรับจดหมายข่าวจากคุณ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ หรือใช้ช่องทางอื่น ๆ ในการหารายชื่ออีเมลใหม่:
โซเชียลมีเดีย: อีเมลมาร์เก็ตติ้งและโซเชียลมีเดียสามารถทำงานร่วมกันได้ แต่คุณอาจจะต้องมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามบนหน้าเพจของคุณ ดังนั้นอย่าลังเลที่จะสร้างโพสต์เพื่อให้พวกเขามาลงทะเบียน ซึ่งโดยทั่วไปหน้าเพจของคุณควรมีปุ่มให้สมัครสมาชิก
ป๊อปอัพ: การใส่ป๊อปอัพไว้บนเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณ จะช่วยอธิบายให้สมาชิกเข้าใจอย่างชัดเจนถึงข้อดีที่พวกเขาจะได้รับจากจดหมายข่าวของคุณ
จัดกิจกรรม: เป็นอีกวิธีที่คุณจะสามารถหาสมาชิกใหม่โดยการสร้างปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาและเก็บรวบรวมที่อยู่อีเมลที่พวกเขายินดีที่จะให้กับคุณ
เช็คเอาท์: วิธีง่าย ๆ ในการรับสมาชิกใหม่ เมื่อพวกเขาให้ความสนใจในแบรนด์ของคุณโดยการซื้อผลิตภัณฑ์
การสัมมนาออนไลน์: เป็นวิธีที่ดีที่คุณจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ คุณสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ หรือหาหุ้นส่วนกับบริษัทอื่น ๆ ที่คุณสนใจ
3 สร้างการออกแบบที่สวยงาม
การออกแบบอีเมลมาร์เก็ตติ้งที่มีเนื้อหาดึงดูดและดูทันสมัยเป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่เช่นนั้นคุณอาจมีความเสี่ยงที่ผู้รับอีเมลจะเพิกเฉยและยกเลิกการรับจดหมายข่าวจากคุณ
4 เขียนบทความแบบไร้ที่ติ
ผู้อ่านมักจะมองหาบทความที่น่าสนใจ ดังนั้นคุณควรให้ข้อมูลที่ดีกับผู้อ่านของคุณ:
หัวเรื่องที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะดึงดูดความสนใจจากสมาชิก คุณควรทำตามกฎง่าย ๆ คือเขียนหัวเรื่องโดยเลือกคำพูดที่ดี และเขียนไม่เกิน 35 ตัวอักษร
กำหนดเป้าหมายของอีเมลของคุณ: คุณจะต้องมีความชัดเจนให้กับผู้อ่านของคุณด้วยการสร้างปุ่ม Call To Action ตัวอย่างเช่น เนื้อหาที่คุณเขียนจะต้องกระชับและเข้าใจง่าย เพราะผู้อ่านส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเนื้อหาที่ยาว
เพิ่มปุ่มโซเชียลในอีเมลของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนของคนที่จะเห็นเนื้อหาของคุณ
5 ใช้อีเมลของบริษัท
คุณควรใช้อีเมลของบริษัทในการส่งหาผู้รับ ซึ่งจะช่วยให้อีเมลของคุณน่าเชื่อถือ เพิ่มอัตราการเปิด และเพิ่มความไว้วางใจจากผู้อ่าน
6 เลือกเวลาในการส่งที่เหมาะสม
คุณต้องวิเคราะห์เวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้อ่านอีเมลของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่มีเวลาที่แตกต่างกัน เช่น เวลาของการทำงาน และ เวลาส่วนตัว
โดยคุณสามารถแยกเวลาในการส่งออกเป็น 2 ช่วงระหว่าง ช่วงเช้า และ ช่วงบ่าย ซึ่งหากช่วงบ่ายมีประสิทธิภาพที่ดี คุณอาจเลือกส่งอีเมลครั้งต่อไปในเวลา 14:00, 16:00 และ 18:00 จะช่วยให้คุณเห็นว่าผู้อ่านมีปฏิกิริยาในอีเมลมากขึ้น
7 การจัดกลุ่มผู้รับอีเมล
การจัดกลุ่มผู้รับอีเมลจะช่วยทำให้คุณสามารถหาผู้รับอีเมลของคุณได้ง่ายขึ้น และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำอีเมลมาร์เก็ตติ้งได้อีกด้วย มีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนเข้ามาสมัครรับข่าวสารและเข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่อของคุณ เช่น โปรโมชัน, อัปเดตบล็อกหรือกิจกรรมต่าง ๆ เป็นต้น
สมาชิกแต่ละรายที่ติดตามหนึ่งในสามเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการจัดกลุ่มผู้รับอีเมลเพื่อส่งอีเมลที่ลูกค้าต้องการรับจากคุณ
คุณสามารถจัดกลุ่มผู้รับอีเมลด้วยข้อมูลพื้นฐาน เช่น ข้อมูลสถิติประชากร, สถานที่, เพศ, อายุ เป็นต้น และยังสามารถใช้เกณฑ์การจัดกลุ่มตามพฤติกรรม เช่น ช่วงเวลาในการซื้อผลิตภัณฑ์, ความถี่, ประเภทของผลิตภัณฑ์และแบ่งตามความสนใจของลูกค้าเป็นต้น
8 ทดสอบทุกอย่างก่อนจะส่งออกไป
หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในการตลาดทางอีเมล คือสามารถทดสอบได้ทุกส่วนก่อนที่จะส่งแคมเปญทางการตลาดออกไป ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าคุณได้ส่งอีเมลที่ดีที่สุดออกไปหาลูกค้า
นักการตลาดส่วนมากมักจะตรวจสอบหัวเรื่องอีเมลเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตามแต่ละองค์ประกอบล้วนมีความสำคัญสำหรับการตลาดทางอีเมลทั้งสิ้น นอกจากนั้นองค์ประกอบต่าง ๆ ยังสามารถนำมาพิจารณาเพื่อทำการทดสอบได้ ดังต่อไปนี้
- ชื่อผู้ส่ง
- ความถี่ แบบส่งทุกวันหรือวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์
- ระหว่างรูปภาพกับตัวอักษร
- จำนวนลิงก์
- ปุ่มยกเลิกการรับข่าวสารที่ตำแหน่งด้านบนสุดหรือด้านล่างสุด
- การใช้ภาพเคลื่อนไหวแบบไฟล์ GIF.
- รูปแบบตัวอักษรและสี
- สัญลักษรสื่อโซเชียล
- ช่วงเวลาการส่ง
- ปุ่มเรียกร้องให้ดำเนินการ
นี่คือแนวทางในการทดสอบการตลาดทางอีเมล
- เริ่มจากขั้นตอนแรกคือ การตั้งชื่อหัวเรื่องอีเมล (Subject line) และคิดชื่อผู้ส่งรวมทั้งอีเมลที่เป็นค่า From Address
- มุ่งเน้นที่องค์ประกอบเดียวในการกำหนดภาพรวมเพื่อให้รู้ว่าอะไรที่จะทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จ
- บันทึกผลลัพธ์จากลูกค้าเพื่อการเรียนรู้
- ทำการทดสอบเป็นประจำในขณะที่กำลังสร้างแคมเปญการตลาดทางอีเมล
- ทำการทดสอบกับกลุ่มผู้รับอีเมลจำนวนน้อย ๆ แต่ให้มีขนาดเพียงพอที่ทำเกิดความชัดเจนในการตัดสิน
- เรียนรู้จากผลการทดสอบและปรับให้เหมาะสมกับแคมเปญอีเมลทางการตลาดที่จะส่งไปหาลูกค้า