เงื่อนไขการใช้ และ นโยบายส่วนบุคคล •
สิ่งที่นักการตลาดต้องเจอและทบทวนอยู่เสมอคือการตลาดที่ทำสามารถสื่อสารหรือส่งไปยังผู้ที่สนใจจริง ๆ หรือไม่ หากทำการตลาดโดยมองข้ามเรื่องนี้ สิ่งที่ลงทุนทำไปอาจไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ การระบุกลุ่มเป้าให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะการสื่อสารกับผู้ที่สนใจหรือมีผู้ที่โอกาสที่จะเป็นลูกค้าย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการสื่อสารแบบหว่านแห (Mass Communication)
การทำ Email Marketing หรือ SMS Marketing ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนอีเมลหรือข้อความที่ส่งออกไปเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าข้อความนั้นสามารถส่งถึงผู้ที่สนใจจริงหรือไม่ |
หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยให้การตลาดของคุณตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น คือการใช้ Segment เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Segmentation และวิธีการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสื่อสารกับลูกค้า พร้อมทั้งบอกเทคนิคการสร้างและใช้ Segment ที่ Taximail
Segmentation คืออะไร?
การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย (Segmentation) คือการแยกฐานลูกค้าออกเป็นกลุ่มย่อยตามข้อมูลประชากร, ลักษณะ, พฤติกรรม, หรือข้อมูลเฉพาะ เพื่อให้สามารถส่งข้อความที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้มากที่สุด
ประโยชน์ของการใช้ Segmentation?
- เพิ่มความแม่นยำตามกลุ่มเป้าหมาย – สามารถส่งอีเมลหรือข้อความที่มีความเกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของลูกค้า
- เพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) – ลูกค้ามีแนวโน้มจะสนใจเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ทำให้สามารถเพิ่มอัตราการเปิดอ่านและคลิก (Open & Click Rate) ได้
- ลดอัตราการยกเลิกรับข่าวสาร (Unsubscribe Rate) – การส่งข้อความที่ตรงกลุ่มช่วยลดความรำคาญของลูกค้า
- เพิ่มโอกาสในการขาย (Conversion Rate) – เมื่อลูกค้าได้รับเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจหรือข้อเสนอที่ตรงใจ จะเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้ามากขึ้น
การแบ่งกลุ่มลูกค้าสิ่งสำคัญอย่างแรกคือคุณต้องมีข้อมูลของลูกค้า ซึ่งอาจได้มาจากการขอข้อมูลในการสมัครสมาชิก, การแจกโค๊ดส่วนลด, การจัดงาน พฤติกรรมการมีส่วนร่วมของลูกค้า ฯลฯ โดยข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ทำ Segmentation มีหลายรูปแบบ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แตกต่างกัน
ประเภทของ Segmentation และการนำไปใช้งาน
1. Segmentation ตามข้อมูลประชากร เช่น อายุ, เพศ, อาชีพ, ระดับรายได้, การศึกษา
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น แบรนด์เสื้อผ้าส่งอีเมลโปรโมชันที่แตกต่างกันให้ลูกค้าชายและหญิง หรือ ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งลูกค้าตามช่วงอายุและรายได้ เพื่อส่งข้อเสนอที่เหมาะสม
2. Segmentation ตามข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ เช่น ประวัติการซื้อ, ความถี่ในการซื้อ, มูลค่าการสั่งซื้อ
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น ธุรกิจ E-commerce ส่งอีเมลแนะนำสินค้าที่คุณอาจสนใจ" ตามประวัติการซื้อของลูกค้า หรือ การส่งโปรโมชันพิเศษให้กับลูกค้าที่มียอดซื้อสูง หรือกลุ่มลูกค้าประจำ
3. Segmentation ตามข้อมูลความสนใจ เช่น ความสนใจ, งานอดิเรก, ไลฟ์สไตล์
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น การส่งอีเมลโปรโมชั่นเกี่ยวกับฟิตเนสให้ผู้ที่สนใจเรื่องสุขภาพ หรือธุรกิจท่องเที่ยวที่ส่งอีเมลดีลพิเศษตามจุดหมายปลายทางที่ลูกค้าเคยค้นหาหรือแสดงความสนใจ
4. Segmentation ตามตำแหน่งที่ตั้ง เช่น โลเคชั่น, เมือง, ประเทศ, สภาพอากาศ
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น ธุรกิจค้าปลีกหรือธุรกิจร้านอาหารส่งโปรโมชันเฉพาะสาขาที่อยู่ใกล้ลูกค้า
5. Segmentation ตามระดับความสัมพันธ์กับแบรนด์ เช่น ลูกค้าใหม่, ลูกค้าปัจจุบัน, ลูกค้าเก่าที่ไม่ได้ซื้อสินค้ามานาน
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น การส่งข้อเสนอสำหรับลูกค้าใหม่ หรือ รางวัลสำหรับลูกค้าเก่า รวมทั้งการส่งอีเมลกระตุ้นลูกค้าเก่าที่ไม่ได้ซื้อสินค้ามานาน โดยให้ข้อเสนอพิเศษหรือโค้ดส่วนลด
6. Segmentation ตามการมีส่วนร่วม เช่น การเปิดอีเมล, การคลิกลิงก์ต่าง ๆ ในอีเมล
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น ส่งอีเมลแนะนำโปรโมชั่นให้กับผู้ที่เคยเปิดอีเมล หรือส่งอีเมลรายละเอียดสินค้าให้กับผู้ที่เคยคลิกลิงก์เกี่ยวกับสินค้านั้น ๆ
Taximail มีฟีเจอร์การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย (Segment) ที่ช่วยให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ง่าย ๆ ทำให้สามารถส่งแคมเปญที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขายของคุณได้ โดยมีเทคนิคการใช้ Segment เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำดังนี้
การเพิ่มเงื่อนไขในการสร้าง Segment
ในขั้นตอนการสร้าง Segment จะมีตัวเลือกให้คุณสามารถเพิ่มเงื่อนไขตามที่คุณกำหนด ซึ่งคุณสามารถเพิ่มเงื่อนไขมากกว่า 1 เงื่อนไขในการสร้าง Segment เพื่อทำให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มเงื่อนไขเป็นเพศ, ความสนใจ, และที่อยู่ ในการสร้าง Segment เป็นต้น
การสร้าง Segment จากการมีส่วนร่วมแบบอัตโนมัติ
โดยปกติวิธีสร้าง Segment จากการมีส่วนร่วมคุณต้องส่งอีเมลออกไปและดาวน์โหลดสถิติออกมาเพื่อดูว่าอีเมลใดที่มีการเปิดหรือมีการคลิกลิงก์และนำข้อมูลการเปิดหรือการคลิกเพิ่มเข้าไปในฐานข้อมูลเพื่อนำมาสร้างลิสต์ใหม่ซึ่งอาจมีหลายขั้นตอนและต้องใช้คนในการดำเนินการทุกครั้ง
เราขอเสนอวิธีการสร้าง Segment จากการมีส่วนร่วมแบบอัตโนมัติ ในวิธีการนี้คุณต้องสร้างการทำงานอัตโนมัติ (Automation) ร่วมด้วย โดยเมื่อมีคนเปิดหรือคนคลิกลิงก์ตามที่คุณกำหนด อีเมลเหล่านั้นจะถูกเพิ่มเข้าไปที่ Segment แบบอัตโนมัติ ทำให้คุณไม่ต้องสร้างลิสต์ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีการดังนี้
การสร้าง Segment โดยใช้เงื่อนไขเป็น Tag
คุณสามารถสร้าง Segment โดยเลือกเงื่อนไขเป็น Tag และระบุชื่อ Tag ที่ต้องการ
ติด Tag ที่อีเมลด้วยการสร้างโฟลว์ Automation
คุณสามารถติด Tag ที่อีเมลด้วยการใช้ Automation ได้ เช่น ติด Tag เมื่อมีผู้เปิดอีเมล หรือติด Tag เมื่อมีผู้คลิกลิงก์ที่กำหนด โดยกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวเป็น Trigger ใน Automation
กำหนด Action เป็นการติด Tag โดยสามารถระบุชื่อ Tag ตามที่ต้องการ
Automation ตามตัวอย่างคือการสร้างโฟลว์ให้ระบบติด Tag ชื่อ Interest_Product_A ที่อีเมลแบบอัตโนมัติเมื่อมีผู้ที่คลิกลิงก Product A
เมื่อคุณสร้าง Segment และโฟลว์ Automation พร้อมทั้งเลือก Enable Automation ไว้เรียบร้อย หลังจากนี้เมื่อมีผู้คลิกลิงก์ที่คุณกำหนด อีเมลจะถูกติด Tag และถูกเพิ่มเข้าไปใน Segment โดยอัตโนมัติ
สรุป
การแบ่งกลุ่มผู้รับอีเมลหรือการทำ Segmentation มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักการตลาด เพราะช่วยให้สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน และสื่อสารไปยังผู้ที่สนใจจริง ทำให้ไม่ต้องทำการตลาดแบบหว่านแห
การใช้ Segmentation อย่างถูกต้องสามารถช่วยให้แคมเปญการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการได้อย่างแม่นยำได้ โดย Taximail มีฟีเจอร์สำหรับการสร้าง Segment ที่ช่วยให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ง่ายๆ
หากคุณต้องการพัฒนากลยุทธ์การตลาดผ่านอีเมลและ SMS ให้ดียิ่งขึ้น Taximail พร้อมมีเครื่องมือและฟีเจอร์ที่พร้อมให้คุณใช้งานและช่วยให้คุณสร้างแคมเปญที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มโอกาสในการขายให้กับคุณได้