เงื่อนไขการใช้ และ นโยบายส่วนบุคคล •
ย้อนดูคำว่าปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence หรือ AI) ตั้งแต่อดีตเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาและความหมายของคำ ๆ นี้
พวกเราหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคำศัพท์คำนี้เริ่มต้นใช้เมื่อใด ซึ่งคำว่า artificial intelligence ถูกคิดขึ้นมาในปี ค.ศ. 1956 โดย John McCarthy ในช่วงของการจัดประชุมเชิงวิชาการครั้งแรก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เครื่องจักรจะมีความคิด ได้เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนหน้านั้น
ต่อไปนี้เป็นประวัติโดยย่อของ AI ในสมัยก่อน
ปี ค.ศ.1920 มีการตีพิมพ์ Rossum's Universal Robots (R.U.R) เขียนโดย Karek Capek ซึ่งเป็นนิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโรงงานที่สร้างหุ่นยนต์และเป็นครั้งแรกที่คำว่า robot ถูกสร้างขึ้น
ปี ค.ศ. 1942 Alan Turing ใช้การเข้ารหัสลับที่มีความซับซ้อนซึ่งถูกใช้เป็นการสื่อสารของนาซี มาเป็นต้นแบบในการสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีอัลกอริทึมและตรรกะในการคำนวน
ปี ค.ศ.1956 มีการประชุม Dartmouth conference ซึ่งเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งแรกสำหรับ AI และได้จัดตั้งสาขา AI ขึ้น โดยที่นักวิจัยได้รวมตัวกันเพื่อก่อตั้งการวิจัยเกี่ยวกับ AI และในช่วงต่อมาได้มีการทำโครงการวิจัยขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วย
ปี ค.ศ. 1974 เป็นครั้งแรกที่เกิดการยุติการให้ความสำคัญกับ AI (AI Winter) ในส่วนของการวิจัยโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
และต่อมาการให้ความสำคัญกับ AI กลับมาอีกครั้งพร้อมกับชื่อเรียกว่าระบบอัจฉริยะ (Expert Systems) ที่สามารถตอบคำถาม, แก้ปัญหาและให้ความรู้ที่มีความเฉพาะเจาะจงได้
ปี ค.ศ. 1981 มีการรวบรวมส่วนสำคัญ 93% ที่ได้ออกแบบมาจาก VAX 9000 CPU logic gates โดยที่การออกแบบขั้นสุดท้ายของ CPU สามารถคำนวนและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ได้
การยุติการให้ความสำคัญกับ AI รอบที่ 2 เกิดขึ้นในช่วงปลายยุคปี 80 ซึ่งเป็นยุคที่เกิดปัญหาทางการเงินขึ้นมากมาย
ที่มา: (https://dev.to/lschultebraucks/a-short-history-of-artificial-intelligence-7hm)
ก้าวไปอย่างรวดเร็วในอนาคตข้างหน้า ....
ปัญญาประดิษฐ์ได้พิสูจน์เกี่ยวกับส่วนประกอบและความสำคัญในยุคของการตลาดดิจิทัลนี้ โดยธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ (startups) และอีคอมเมิร์ซที่ถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากต่างลงทุนในการใช้ AI เพื่อใช้ประโยชน์กับธุรกิจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ในธุรกิจระดับโลกเช่น Amazon และ Apple ก็กำลังใช้ AI เพื่อจัดการเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเสียงพูดมาทำการตลาด โดยใช้แพลตฟอร์ม Alexa หรือ Siri ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยปรับรูปแบบ "พฤติกรรมการซื้อ" ของลูกค้าให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ดียิ่งขึ้น
จากปีก่อนหน้านี้เกิดการปรับเปลี่ยนอย่างมากเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ใช้ความรู้และเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ซึ่งอุตสาหกรรมและการตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรวดเร็วนี้จำเป็นต้องการได้รับการปรับเปลี่ยนด้วย AI ที่พัฒนามาแบบล่าสุด
ข้อดีของ AI สำหรับธุรกิจของคุณ .....
- AI ช่วยสร้างเนื้อหาที่ดีขึ้น
- การค้นหาด้วยเสียง
- ช่วยกำหนดเป้าหมายในการโฆษณา
- โปรแกรมช่วยในการตอบแชต (chatbots)
- การตลาดแบบ Retargeting
- การคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อบริการลูกค้า
- ระบบการตลาดอัตโนมัติ
- อีเมลแบบไดนามิก
- ช่วยวิเคราะห์จากการคาดการณ์
- การใช้เนื้อหาเฉพาะบุคคล
สรุป….
ปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือในการปฏิวัติรูปแบบดิจิทัลที่ช่วยสร้างการตลาดดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่นี้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ด้วยนวัตกรรมที่หลากหลาย เช่น ในส่วนของการสร้างเนื้อหานั้น AI กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสามารถใช้สำหรับการพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อเป็นนวัตกรรมในการสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
เนื่องจากเทคโนโลยี AI ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง นักการตลาดจึงมีโอกาสที่จะทำความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของตัวเองได้ในระดับที่เน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลในส่วนบุคคลได้ จนกลายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการพัฒนาประสบการณ์การช็อปปิ้งตามความต้องการของลูกค้า โดยข้อมูลที่ได้รับจาก AI นั้นควรที่จะนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง, ระบุได้อย่างชัดเจนและรู้ว่าเนื้อหาแบบไหนที่ลูกค้าต้องการที่จะได้รับจากแบรนด์ ซึ่งจะเป็นผลกระทบในทางบวกที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น