ข้อมูลลูกค้าคืออะไร?

ข้อมูลลูกค้าหมายถึงข้อมูลส่วนบุคคล, พฤติกรรมและข้อมูลประชากรทั้งหมดที่มีการรวบรวมโดยบริษัทการตลาดหรือแผนกการตลาดจากฐานข้อมูลลูกค้าของพวกเขา

(คำจำกัดความจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Customer_data)

อธิบายง่าย ๆ คือการรวบรวมข้อมูลที่มีรายละเอียดการสำหรับติดต่อ เช่น ชื่อและนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีข้อจำกัดว่าข้อมูลประเภทใดที่คุณสามารถเก็บรวบรวมได้ เนื่องจากกฎหมายความเป็นส่วนตัวของลูกค้าได้เริ่มมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง

ในประเทศไทยมีการให้ความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562

กลับมาดูเกี่ยวกับวิธีการเก็บข้อมูล ซึ่งมีวิธีการหลายอย่างที่สามารถทำให้ข้อมูลลูกค้าของคุณค่อย ๆเติบโตและเพิ่มขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องขอให้ลูกค้าของคุณกรอกแบบฟอร์มยาว ๆ 

คุณสามารถทดลองโดยใช้ช่องทางหรือ touch points ต่างๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าด้วยพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างลิสต์รายชื่อลูกค้าที่มีค่าสำหรับคุณ

ต่อไปนี้คือวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจากลูกค้าของคุณ

1. ใช้ป๊อปอัปเพื่อโปรโมตข้อเสนอ

คุณสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าโฮมเพจของคุณ  โดยใช้เป็นหน้าสำหรับการสร้าง Lead แบบ ออร์แกนิก ด้วยการสร้างป๊อปอัปให้แสดงเมื่อมีคนเข้าชมและแจ้งให้พวกเค้าทำการสมัครรับข้อมูลหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้คุณสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับคุณได้ เนื่องจากพวกเขาเลือกที่จะรับฟังความคิดเห็นจากคุณ  และคุณยังสามารถส่งข้อเสนอพิเศษและส่วนลด หรือทำการแบ่งกลุ่มลูกค้าจากพฤติกรรมที่มีการโต้ตอบกับแบรนด์หรือบริษัทของคุณได้อีกด้วย

2. นำเสนอบทเรียนหรือวิธีการใช้งานฟรี

คุณจะสามารถรวบรวมที่อยู่อีเมลและข้อมูลอื่น ๆ จากลูกค้า หากคุณดึงดูความสนใจจากพวกเค้าได้ ด้วยการนำเสนอบทเรียน, การแนะนำวิธีใช้งานแบบออนไลน์หรือบทความฟรี ที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าของคุณ โดยให้พวกเค้าลงทะเบียนหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือรับเนื้อหาเพิ่มเติม นี่เป็นวิธีการที่ดี ที่จะทำให้ลูกค้าติดตามเนื้อหาล่าสุดในเว็บไซต์หรือบล็อกของคุณ

3. สมัครจดหมายข่าวผ่านเว็บไซต์ของคุณ

นี่เป็นรูปแบบคลาสสิกในการขอข้อมูลจากลูกค้าของคุณ โดยการขอให้พวกเขาสมัครรับจดหมายข่าวของคุณ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไปในหลายแบรนด์และบริษัทต่าง ๆ คุณสามารถค้นหาตัวอย่างได้ในหลาย ๆ หน้าของเว็บไซต์ที่พยายามรวบรวมข้อมูลของลูกค้า โดยคุณสามารถใช้การชักจูงด้วยคำกระตุ้นการตัดสินใจ (call to action) ในการดึงดูดให้ผู้อ่านข้อความเหล่านั้นลงทะเบียนได้

4. กิจกรรมอีเวนต์

เมื่อคุณดำเนินการจัดกิจกรรมอีเวนต์ทั้งตามสถานที่และอีเวนต์ออนไลน์  นี่เป็นโอกาสที่ดีในการรวบรวมข้อมูลลูกค้าเมื่อพวกเขาเข้าร่วม คุณสามารถรวบรวมรายละเอียดของพวกเขาผ่านการขอข้อมูลเพื่อการลงทะเบียนกิจกรรม และคุณสามารถมอบข้อเสนอที่จูงใจให้พวกเขาได้ด้วยการเข้าร่วมงาน การสร้างปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวจะเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของคุณ (Lead) และทำให้พวกเขารู้ว่าจะต้องติดต่อกับใคร

5. จัดการแข่งขัน

การจัดการแข่งขันเป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าของคุณเข้าร่วมและแชร์สิ่งที่คุณต้องการต่อไปได้ คุณสามารถจัดการแข่งขันและดึงดูดพวกเขาด้วยรางวัลเงินสด, บริการ, ฯลฯ

โดยให้เงื่อนไขว่า หากพวกเขาแชร์ลงในโซเชียลมีเดียของพวกเขา จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่มความโดดเด่นกับกิจกรรมหรือแม้กระทั่งทำให้การแข่งขันของคุณกลายเป็นไวรัล ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันต้องให้ข้อมูลที่คุณร้องขอในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย

6. ใช้การโฆษณา

คุณสามารถใช้โฆษณาบน Facebook หรือการโฆษณาที่อื่น ๆ ที่มีความคุ้มค่าที่สุดในการเพิ่ม Lead ของคุณ คุณต้องประหยัดงบประมาณบางส่วนเพื่อใช้ในการเพิ่มรายชื่อลูกค้า โดยไม่ใช่แค่ทำแบบออร์แกนิกเท่านั้น คุณสามารถกำหนดเป้าหมายผู้ชมตามอายุ, ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์, พฤติกรรม, การซื้อออนไลน์ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่คุณต้องการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง

7. ข้อมูลจากการทำธุรกรรม

เมื่อใดก็ตามที่ลูกค้าทำการซื้อของในเว็บไซต์ของคุณ คุณจะต้องรวบรวมข้อมูลของพวกเขา โดยข้อมูลอาจจะถูกเก็บไว้ใน POS (จุดขาย) หรือเก็บข้อมูลจากขายหรือการแชทโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์

คุณจะสามารถได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการซื้อของลูกค้า และผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาสนใจ ซึ่งจะทำให้คุณได้เปรียบในการให้ข้อเสนอที่ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อมากที่สุด และยังทำให้ลูกค้าของคุณภักดีด้วยการรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร

8. การเยี่ยมชมภายในร้าน

หากคุณมีร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง คุณจะสามารถรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้าของคุณได้จากการเรียนรู้พฤติกรรมในการเข้าชมร้าน, การโต้ตอบกับลูกค้า โดยในปัจจุบัน QR Code กำลังเป็นที่นิยมในการใช้สำหรับให้ลูกค้าของคุณเพิ่ม Line OA, WhatsApp Business, Viber เพื่อให้ลูกค้าติดต่อโดยตรงกับแบรนด์/บริษัทของคุณ โดยคุณจะสามารถใช้ประโยชน์ในการเชิญชวนลูกค้าให้คอมเมนท์และรีวิวผลิตภัณฑ์, เชิญให้เข้าร่วมสมาชิกเพื่อรับส่วนลดหรือรับของขวัญพิเศษฟรีเมื่อถึงวันเกิด ทั้งนี้ไอเดียต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างมากมายเมื่อคุณทราบข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า

9. การแนะนำจากพันธมิตร

การมีพันธมิตรทางการค้านั้นไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจของคุณกว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ยังสามารถเพิ่มผู้เข้าชมและทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีการสร้างพันธมิตรหลายประเภทที่คุณสามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจที่คุณมีและดูว่าธุรกิจใดที่เหมาะกับคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นแบรนด์เสื้อผ้า คุณอาจต้องการสร้างพันธมิตรเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencer) เพื่อให้มีผู้ชมเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของคุณมากขึ้น โดยพวกเค้าจะสามารถใช้โค้ดส่วนลดพิเศษจาก Influencer ในการซื้อของแบบออนไลน์ได้

10. แบบสำรวจ

การใช้แบบสำรวจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ใช้ในการเก็บข้อมูลและสามารถนำไปใช้พัฒนาต่อยอดได้ในเวลาอันสั้น สามารถใช้ได้ทั้งทางออนไลน์, ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่, อีเมล, ร้านค้าขนาดเล็ก(kiosk) หรือสอบถามทางโทรศัพท์ คุณสามารถเลือกวิธีที่ทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการเข้าร่วมแบบสำรวจของคุณตามเวลาที่สะดวกที่สุด โดยคุณจะได้รับทั้งความรู้, ความคิดเห็น, ทราบความรู้สึกของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์หรือบริษัทของคุณ คุณสามารถตั้งคำถามว่าพวกเค้าต้องการอะไรจากการสื่อสารของคุณ และคุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำธุรกรรมและการโต้ตอบกับลูกค้าในอนาตคตได้

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลลูกค้าได้อย่างถูกวิธีและถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยการใช้วิธีการที่มีความเหมะสมเพื่อปฎิบัตตามกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยคุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลและได้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าของคุณ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยคุณในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ และทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าของคุณในช่องทางการสื่อสารที่ต้องการได้

ใช้ข้อมูลจากลูกค้าของคุณอย่างชาญฉลาด และทำให้คุ้มค่าที่พวกเค้าเลือกแบรนด์ของคุณ