เงื่อนไขการใช้ และ นโยบายส่วนบุคคล •
ในธุรกิจต่าง ๆ มีการใช้งานอีเมลแบบ Plain text (แบบข้อความ) เพื่อสื่อสารกับลูกค้ามานานก่อนที่จะมีการใช้อีเมลแบบ HTML จนในปัจจุบันนี้คุณสามารถส่งอีเมลที่ภายในเนื้อหามีการใช้กราฟฟิกที่ยอดเยี่ยมและสามารถเพิ่มลิงก์ไปยังเว็บเพจต่าง ๆ หรือแม้แต่สามารถส่งอีเมลแบบสำรวจทางออนไลน์ได้อย่างง่าย ๆ
ในทางกลับกันมีสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่คุณควรรู้ คือความแตกต่างของอีเมลแบบ HTML และ Plain text ทั้งในเรื่องของประโยชน์, ผลกระทบจากการส่ง และการมีส่วนร่วมในแคมเปญจากลูกค้าของคุณ |
ความหมายและลักษณะของอีเมลแบบ HTML
HTML (Hypertext Markup Language) เป็นวิธีการใช้ตัวอักษรและสัญญลักษณ์เพื่อกำหนดหรืออธิบายว่าเนื้อหาที่อยู่ในไฟล์ HTML นั้นมีโครงสร้างอย่างไร โดย Markup นี้เป็นสิ่งที่บอกเว็บเบราว์เซอร์ว่าจะทำการแสดงตัวอักษร, รูปภาพ และมัลติมีเดียอื่น ๆ บนเว็บเพจอย่างไร
การใช้อีเมลแบบ HTML นั้นสามารถสร้างแบรนด์ของคุณและทำให้อีเมลดูเหมือนเว็บไซต์ของคุณเองได้ ซึ่งคุณสามารถรวบรวมรูปภาพและออกแบบเนื้อหาอีเมลเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าของคุณตื่นเต้นและประทับใจ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งเทมเพลต, ใส่โลโก้, รายละเอียดสำหรับติดต่อและลิงก์ต่าง ๆ
ตัวอย่างของอีเมล HTML
ข้อดีของอีเมลแบบ HTML
- ความสามารถในการติดตามที่ยอดเยี่ยม
- เพิ่มความดึงดูดและสามารถเน้นผลิตภัณฑ์โดยการใช้สี, กราฟิกและการจัดรูปแบบ
- สร้างการเรียกร้องให้ดำเนินการ (Call to action) โดยใช้ปุ่ม, การจัดรูปแบบให้สวยงามและอื่น ๆ
- เพิ่มความสำเร็จตามเป้าหมายของแคมเปญ
- เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้รับอีเมล
ข้อเสียของอีเมลแบบ HTML
- ไคลเอนต์อีเมลและอุปกรณ์บางอย่างไม่สามารถแสดงผลอีเมลในรูปแบบ HTML
- รูปภาพ / กราฟิกอาจถูกบล็อกในไคลเอนต์อีเมลบางราย
- การใช้ HTML เป็นองค์ประกอบมากเกินไป อีเมลอาจถูกจัดให้อยู่ในโฟลเดอร์โปรโมชั่นหรือเป็นสแปมได้
อีเมลแบบ HTML เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ คุณสามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า, เพิ่มยอดขายและเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
ลูกค้าส่วนมากจะใช้อีเมลประเภทนี้ โดยอีเมลแบบ HTML สามารถแสดงผลบนอุปกรณ์เกือบทั้งหมดและสามารถใช้งานเพื่อเปิดอีเมล HTML ที่คุณสร้างอย่างสวยงามได้
ความหมายและลักษณะของอีเมลแบบ Plain text
อีเมลแบบ Plain text หรือการใช้อีเมลแบบข้อความล้วนเป็นลักษณะของตัวอักษรธรรมดาที่ไม่มีการใช้ตัวเลือกรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตัวหนา, ตัวเอียง, การขีดเส้นใต้ หรือการจัดหน้าแบบพิเศษ
ซึ่งจะแสดงผลเฉพาะตัวอักษรหรือสัญลักษณ์สำหรับการอ่านเท่านั้น ไม่สามารถใช้กราฟิกหรือสิ่งอื่น ๆ (floating-point numbers, รูปภาพ ฯลฯ) นอกจากนี้ยังอาจมีการจำกัดจำนวนตัวอักษร การเว้นวรรคและการเว้นบบรทัดเพื่อควบคุมให้จัดเรียงข้อความได้ง่าย
คุณสามารถทดลองใช้เครื่องมือสร้างข้อความตัวหนา เพื่อแปลงข้อความจากตัวอักษรธรรมดาให้เป็นตัวหนาได้ ทั้งนี้ TechMatly ให้คุณได้มากกว่าข้อความทืี่เป็นตัวหนา แต่ยังมีเครื่องมือสำหรับเขียนตัวหนาแบบ cursive bolded, italics bolded และเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมาย คุณสามารถเข้าไปที่ techmatly.com/tools และเลือกเครื่องมือเพื่อใช้งานฟรีได้ทางออนไลน์
ตัวอย่างของอีเมล Plain text
ข้อดีของอีเมลแบบ Plain text
- อีเมลทั้งหมดจะแสดงผลได้ดีในลักษณะข้อความล้วน
- ข้อความจะมีลักษณะเหมือนอีเมลส่วนบุคลลมากขึ้น
- อุปกรณ์บางอย่างเช่นแอปเปิ้ลวอทช์สามารถรองรับข้อความแบบ Plain text
ข้อเสียของอีเมลแบบ Plain text
- ลดความสามารถในการติดตามอีเมลที่ส่ง
- อีเมลขาดการดึงดูด, ไม่มีสีหรือกราฟิกที่น่าสนใจ
- สร้าง Call to action ได้ยากและขาดความโดดเด่น
สรุป
อีเมลแบบ HTML สามารถแสดงออกถึงเบรนด์, ดึงดูดความสนใจ, เพิ่มความสำเร็จตามเป้าหมาย, เพิ่มการมีส่วนร่วมจากลูกค้า เหมาะกับอีเมลโปรโมชั่น อีเมลแจ้งข่าวสาร
อีเมลแบบ Plain text แสดงผลได้ในเครื่องมือทุกประเภทและทุกไคลเอนต์อีเมล สร้างความรู้สึกว่าเป็นอีเมลส่วนบุคคลได้ดี สามารถนำมาใช้เป็นอีเมลทางธุรกรรมต่าง ๆ
สัดส่วนระหว่างรูปภาพและตัวอักษรในเนื้อหาอีเมล อาจมีส่วนทำให้อีเมลที่คุณส่ง ถูกจัดให้อยู่ในโฟลเดอร์หลักหรือโฟลเดอร์โปรโมชั่น และอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ถูกมองว่าเป็นสแปม
ดังนั้นเมื่อคุณรู้ถึงข้อดีข้อเสียของอีเมลแบบ HTML และ Plain text คุณจะสามารถสร้างอีเมลที่เหมาะสมกับลูกค้า, แบรนด์, สถานการณ์และข้อความที่คุณต้องการจะสื่อสารได้